จอห์น แอดัมส์ (อังกฤษ: John Adams) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นบิดาของประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสหรัฐอเมริกา จอห์น ควินซี แอดัมส์ จอห์นเกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1735 [วันที่แบบเก่า: 19 ตุลาคม ค.ศ. 1735] เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1797 ลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1801 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1826 เขาถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา
จอห์นเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่ช่วงต้นของการปฏิวัติอเมริกา โดยเป็นผู้แทนจากรัฐแมสซาชูเซตส์และมีส่วนสำคัญในการผลักดันชักจูงสภาคองเกรสให้ประกาศอิสรภาพ เขาเป็นผู้มอบหมายงานร่างคำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกาแก่ทอมัส เจฟเฟอร์สันในปีค.ศ. 1776 และเนื่องจากแอดัมส์เป็นตัวแทนของสภาคองเกรสในยุโรป เขาจึงเป็นผู้เจรจาในสนธิสัญญาสงบศึกกับสหราชอาณาจักรและเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการกู้เงินจากนายธนาคารในอัมสเตอร์ดัม หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของจอห์น แอดัมส์คือเป็นผู้ตัดสินใจด้านบุคลากร โดยในปี ค.ศ. 1775 เขาเป็นผู้เสนอชื่อจอร์จ วอชิงตันให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และในอีก 25 ปีต่อมา เขาเป็นผู้เสนอชื่อจอห์น มาร์แชลล์เป็นประธานศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา
แอดัมส์ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกภายใต้จอร์จ วอชิงตันและขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ. 1796 ระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาต้องเผชิญกับการโจมตีจากทั้งพรรครีพับลิกันของเจฟเฟอร์สันซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามและจากภายในพรรคภายใต้การนำของศัตรูของเขา อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน
ในปี ค.ศ. 1800 แอดัมส์พ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ทอมัส เจฟเฟอร์สัน เขาจึงเกษียณไปอยู่รัฐแมสซาชูเซตส์ หลังจากนั้นเขาก็กลับมาเป็นมิตรกับเจฟเฟอร์สัน ภรรยาของแอดัมส์คือเอบิเกล อดัมส์
จอห์น แอดัมส์เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1735 หรือ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1735 ตามปฏิทินจูเลียน เป็นบุตรชายคนโตจากทั้งหมดสามคนของจอห์น แอดัมส์ ซีเนียร์กับซูซานนา บอยล์สตัน แอดัมส์ เขาเกิดในที่ๆปัจจุบันคือเมืองควินซี รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยที่ๆเขาเกิดปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติแอดัมส์ พ่อของเขาเป็นทายาทรุ่นที่ห้าของเฮนรี แอดัมส์ซึ่งอพยพมาจากมณฑลซัมเมอร์เซ็ทในสหราชอาณาจักรในราวปี ค.ศ. 1638 จอห์น แอดัมส์ผู้พ่อเป็นผู้ช่วยบาทหลวง ทหารกองเกิน และสมาชิกสภาเมืองซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับโรงเรียนและถนน ส่วนซูซานนา บอยล์สตัน แอดัมส์เป็นผู้สืบสายเลือดของตระกูลบอยล์สตันแห่งเมืองบรุกไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์
แอดัมส์เกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลาง แต่เขารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเขามีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามแบบของตระกูลซึ่งเป็นพิวริตันรุ่นบุกเบิก ทว่าในช่วงเวลาที่แอดัมส์เกิด กลุ่มความเชื่อพิวริตันเริ่มไม่ได้รับการยอมรับเหมือนดังก่อน ในปีค.ศ. 1751 แอดัมส์ในวัย 16 ปีเข้าเรียนที่วิทยาลัยฮาร์วาร์ด พ่อของแอดัมส์อยากให้เขาเป็นนักบวชสอนศาสนา แต่แอดัมส์ยังไม่ตัดสินใจจนกระทั่งเขาเรียนจบในปีค.ศ. 1755 และสอนในโรงเรียนในเมืองวอร์เซสเตอร์ เขาตัดสินใจที่จะเป็นทนายความจึงศึกษาอยู่ในสำนักงานของจอห์น พุตนัม ทนายความที่มีชื่อเสียงในเมือง ซึ่งแอดัมส์ได้ใช้พฤติกรรมที่ทำตั้งแต่เด็กคือบันทึกความประทับใจและรายละเอียดของเหตุการณ์ซึ่งสามารถเห็นอย่างกระจัดกระจายในไดอารีของเขา มาใช้ในการเป็นทนายความ โดยมักบันทึกคดีที่เฝ้าสังเกตเพื่อมาศึกษาและไตร่ตรองในภายหลัง หนึ่งในตัวอย่างที่ดีคือรายงานการบันทึกข้อโต้แย้งของเจมส์ โอทิสในศาลสูงแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ว่าด้วยเรื่องของความชอบธรรมทางกฎหมายของ Writs of Assistance ใน ค.ศ. 1761
ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1764 แอดัมส์แต่งงานกับแอบิเกล สมิธ ก่อนวันเกิดปีที่ 29 ของเขา 5 วัน โดยมีลูกคือ แอบิเกล (ค.ศ. 1765 – 1813) ประธานาธิบดีในอนาคต จอห์น ควินซี (ค.ศ. 1767 – 1848) ซูซานา (ค.ศ. 1768 – 1770)ชารลส์ (ค.ศ. 1770 – 1800) ธอมัส บอยล์สตัน (ค.ศ. 1772 – 1832) และเอลิซาเบธซึ่งตายตั้งแต่กำเนิด (ค.ศ. 1777)
แอดัมส์ไม่เหมือนน้องของเขา แซมูเอล แอดัมส์ที่เป็นผู้นำที่ได้รับความนิยม อิทธิพลส่วนใหญ่ของเขาเกิดจากงานทนายความ รวมถึงงานววิเคราะห์ตัวอย่างเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อย่างรุนแรงกอปรกับความรู้อย่างกว้างขวางในเรื่องกฎหมายและความทุ่มเทต่อหลักการสาธารณรัฐนิยม แอดัมส์มักพบว่าอุปนิสัยชอบโต้เถียงของตัวเขาเป็นอุปสรรคทำงานการเมือง
"Why will you not? You ought to do it." "I will not." "Why?" "Reasons enough." "What can be your reasons?" "Reason first, you are a Virginian, and a Virginian ought to appear at the head of this business. Reason second, I am obnoxious, suspected, and unpopular. You are very much otherwise. Reason third, you can write ten times better than I can." "Well," said Jefferson, "if you are decided, I will do as well as I can." "Very well. When you have drawn it up, we will have a meeting."